วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

ทานาคาบำรุงสุขภาพผิวหน้า

  

                          

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทานาคา
ทานาคาคืออะไร

     ทานาคาที่มีต้นกำเนิดในประเทศพม่า ที่คนทางภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน -เชียงราย จะใช้กันมาก
     ผงทานาคาสีเหลืองๆ นี้สาวชาวเหนือจะรู้จักมันมาแต่เด็กแล้วจะหาซื้อได้ที่ ตลาดท่าขี้เหล็ก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลักษณะจะเป็นสีเหลือง  ของแท้ต้อง  ไม่มีกลิ่นใด ๆ


ต้นไม้ทานาคา มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า LICODIA ACIDISSIMA  ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง ขึ้นในเขตแห้งแล้งในภาคกลางของประเทศพม่า แถบพุกาม เท่านั้น ส่วน  ส่วนที่มีกลิ่นหอมและเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ คือ ส่วนที่เป็นเปลือก   เวลาใช้ก็นำเอาท่อนไม้ทานาคามาฝนกับแผ่นหิน เจือด้วยน้ำเล็กน้อย แล้วใช้ทาเรือนร่างโดยเฉพาะใบหน้า  ไม้ ทานาคา มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่สูงมาก ที่ เปลือกของไม้ทานาคา มีสาร OPC เช่นเดียวกับที่พบในเปลือกสนฝรั่งเศส และที่เนื้อในของไม้ทานาคามีสาร Curcuminoid ที่มักพบในขมิ้นชันที่ประเทศไทย  ทำให้ทานาคามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะต่อต้านความเสื่อมของเซลล์และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ด้วย   คุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย    ลดการเกิดจุดด่างดำและฝ้า  ช่วยลดผดผื่นคัน  มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยป้องกันการทำลายผิวจากรังสียูวี
     สารสกัดทานาคา 100% ให้สารออกฤทธิ์ความเข้มข้นสูง ซึ่งได้ผลดีกว่าการใช้ผงทานาคาพอกผิวถึง100 เท่า ผง ทานาคา ที่ดีจะต้องมาจากไม้ทานาคาที่ตากแห้งตามธรรมชาติและนำมาบดเป็นผงให้ละเอียด โดยจะมีสรรพคุณในการชลอความชราของผิวได้ดีมาก ด้วยฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของทานาคา ที่มีประสิทธิภาพสูง และคงตัวได้ดี    ไม่สลายไปเมื่อโดนออกซิเจน เหมือน วิตามิน หรือ โดยที่เปลือกทานาคาบดละเอียดจะมีลักษณะเป็นผง  สีเหลืองนวล ใช้ผสมน้ำขัดหน้าและพอกไว้สักครู่จนแห้ง เป็นสมุนไพรรักษาสิวและความมันของใบหน้าได้เป็นอย่างดี
   
    การพิสูจน์ว่าทานาคาเป็นของแท้หรือไม่

ให้เอามะนาวบีบลงบนผงทานาคา    ถ้าเกิดฟองฟู่ แสดงว่าเป็น ของปลอม เพราะของปลอมจะผสมด้วยดินสอพอง และอีกอย่าง  ถ้าหยิบเอาผงทานาคา ใส่นิ้วมือแล้วมันเนียนเหมือนแป้งฝุ่น ก็ของปลอม  ของแท้จะต้องหยาบหน่อย ๆ  เพราะการบดที่ดี  ต้องบดด้วยมือ ซึ่งจะคงคุณค่ากว่าการเอาไปเข้าอุตสาหกรรม ผ่านการอบเชื้อ เพราะจะทำให้สารต่าง ๆ ในทานาคาหมด และเสื่อมสภาพไป    
ลองดมดู ทานาคา   จะมีกลิ่นเย็น ๆ โชยออกมา  นั่นแหละของแท้    ถ้าเย็นมาก  หอมมาก    จะมีส่วนผสมแป้งหอม ดังนั้นก็ให้ยึดหลัก หยาบ + หอมนิดหน่อย คือ แทบจะไม่ได้กลิ่นเลย ถ้ามันไม่โดนน้ำ

ทางที่ดีก็คือ   คือ ข้ามไปซื้อที่ฝั่งพม่า   ที่  อ.แม่สาย   ของปลอมก็ยังมีขายเยอะเหมือนกัน แต่ราคาจะถูกกว่า  ถ้าจะซื้อก็  ให้ยึดหลักกฎเกณฑ์ ข้างบนและกัน
 
การใช้ทานาคาให้ได้ผลดี
ให้ใช้แค่น้ำสะอาดธรรมดา ไม่ต้องอุ่น ไม่ต้องเย็น  และหย่าผสมสิ่งใด ๆ ลงไปเด็ดขาด  น้ำเปล่า ๆ ดีที่สุด

ถ้าหน้าเป็นสิวอักเสบใช้ได้แต่ห้ามขัดโดยเด็ดขาด ถ้าขัดมันจะเป็นสิวมากขึ้นทันตาเห็น
ทานาคาจึงเหมาะที่จะขัดกับ คนที่ไม่มีสิวแล้ว และไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ตอนที่ขัดให้เบามือที่สุด ประมาณ แค่ลูบโดยให้นึกว่า เป็นการขัดที่พยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย จะทำให้เบามืออย่างมาก ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด  และให้ขัดแค่ 5นาที อย่าไปบ้าตามสูตรพิสดารว่า ขัด 15 นาที .. ของดี นาทีมันก็ออกฤทธิ์แล้วหละ
เมื่อครบ นาทีแล้วก็ให้ทิ้งไว้อย่างนั้น จนมันแห้ง หน้าจะตึง ขาววอกเหมือนลิงเลย 

4. ทำการล้างด้วยน้ำธรรมดา ห้ามน้ำอุ่นโดยเด็ดขาด ล้างแบบเบาที่สุด ถ้าจะให้ดีให้เปิดฝักบัวเบา ๆ แล้วก็ปล่อยให้มันราดลงบนหน้าไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบให้เบาที่สุด หลักการเดียวกัน ก็คือ เป็นการขัดที่พยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย  ล้างออกให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว
5. ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำเปล่าธรรมดา ทาหน้าทิ้งไว้ โดยนวดสักเล็กน้อย ทิ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออกเท่านี้สำหรับการใช้
ทานาคา ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนและคงความดูเป็นเด็กได้


สรรพคุณในการประทินผิว
1. ปรับผิวขาวขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ปลอดภัย เพราะเป็นสมุนไพรจากธรรมชาติ
2. ลด ฝ้า กระ จุดด่างดำ รักษารอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. รักษาผดผื่น คัน ผิวอักเสบ แดงอาการแพ้ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ผสมน้ำทาให้เด็ก ๆ ที่เป็นผื่นได้
4. ควบคุมความมัน ทำให้สิวอักเสบ แห้งเร็ว และยุบตัว และไม่ให้เกิดสิวใหม่ขึ้นอีก5.ต่อต้านริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดริ้วรอยที่มีอยู่ให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง
6. ป้องกันแสงแดดให้กับผิวได้อย่างดี โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี
7. ระงับกลิ่นตามร่างกาย
            คนพม่า ทั้งเด็ก และชาย-หญิง จะนำผงทานาคามาผสมน้ำ ปะหน้าทิ้งไว้ตลอดวัน เพื่อช่วยป้องกันแสงแดด
อันร้อนแรง ทานาคาเป็นไม้เนื้อเย็น โดยธรรมชาติของตัวมันเอง ช่วยป้องกันไอร้อนจากรังสีต่าง ๆ ต้านอนุมูลอิสระในแสงแดด ฝุ่น ควัน ป้องกันการเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ และยังช่วยลดเลือนให้จางลงด้วย ใช้เป็นประจำผิวจะขาวเนียนขึ้น
มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอย และรักษาสิว สารพัดประโยชน์จริง ๆ คนพม่านำมาทาทั้งใบหน้า แขน ขา และทุกส่วนของร่างกาย เช่น บริเวณรักแร้เพื่อดับกลิ่นไม่พึงปรารถนา ผสมน้ำแต้มสิว และรอยแผลเป็นต่าง ๆ ทิ้งไว้ข้ามคืน หรือผสมน้ำทาแก้ผดผื่นคันให้เด็ก ๆ เรียกได้ว่าเป็นยาประจำบ้าน มากประโยชน์จริง ๆ 
สรุปนะคะ ทานาคาเหมาะกับคนทุกวัยจริง ๆ แต่ห้ามใช้ขัดเมื่อเป็นสิว แม้แต่สิวอุดตัน ให้ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ นาทีแล้วล้างออกค่ะ เพราะ การขัดจะไปกระตุ้นให้สิวเกิดมากขึ้น (อ่านตามโฆษณาบอกว่า รักษาสิว .. คนอ่านจะเข้าใจว่า เอาไปขัด ๆๆๆ แล้วสิวจะหาย) และเมื่อใช้ได้สัก 2-3 เดือน หน้าจะหายมัน (แต่ก็อยู่ที่ปัจจัยภายในร่างกายด้วยนะคะ ถ้ากินน้ำน้อย หรือ ใช้ครีมที่มีน้ำมันเยอะ) หายมันที่นี่ ก็คือ สภาพอากาศปกติ หน้าจะไม่มันเยิ้มขึ้นมา ผิวหน้าจะละเอียดขึ้น อันนี้จริงค่ะ ก็คือ ผิวละเอียดขึ้น เหมือนผิวพม่าและในบางคนหน้าจะขาวขึ้นมาอีกหน่อย
นี่หละค่ะทานาคา .. ผงขัดหน้าธรรมดา ๆ ที่คนที่นี่ใช้กันจนติด ต้นตำรับแท้ ๆต้องจากแม่สายนะคะ ไม่ใช่มาจากสิงคโปร์เงี้ย ตลกละ ...

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

   
😳วันนี้เอาสรรพคุณหอมแดงมาฝากกกกกกก😳
 เข้ามาดูกันเยอะๆ นะค๊าาาาาาาา
👌
เมื่อพูดถึงสิว หลายคนมักเจ็บปวดใจกับอาการสิวเห่อบนใบหน้าที่ยากจะจัดการ ไม่ว่าจะลองวิธีใด หาหมอยิงเลเซอร์ก็แล้ว ซื้อผลิตภัณเสริมอาหารหรือครีมบำรุงรักษาสิวก็แล้ว แต่มันยังกลับมาทำร้ายผิวหน้า คอยรบกวนใจเราอยู่ร่ำไป สำหรับผู้ที่พบปัญหาเรื่องสิวเช่นนี้ ลองหันมาใช้วิธีการแบบธรรมชาติกันดูไหม นั่นคือการใช้หอมแดงรักษาสิวเพราะอาจเป็นวิธีกำจัดสิวบนใบหน้าของเราแบบไปแล้วไปลับ ก็เป็นได้
หอมแดงรักษาสิวได้อย่างไร
  ผักที่เราใช้ปรุงอาหารให้อร่อยถูกปากอย่างหอมแดง มีสารเคมีและสารอาหาร เช่น น้ำมันหอมระเหย ประกอบด้วย ไดอัลลิน ไตรซัลไฟต์ เช่นเดียวกับที่พบในกระเทียม นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ ไกลโคไซด์ เพคติน และลูโคคินิน ซึ่งสารเหล่านี้ มีคุณสมบัติช่วยให้เจริญอาหาร ยับยั้งแบคทีเรีย ลดไขมันในเส้นเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ และในหัวหอมยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารกำมะถัน รวมถึงแร่ธาตุหลายชนิด เช่น เหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัสในปริมาณสูงช่วยทำให้ความจำดี
นอกจากหอมแดงจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพภายในแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว ลบรอยด่างดำที่เกิดจากสิวได้ดีอีกด้วย เพราะอย่างที่บอกว่าในหอมแดงสดจะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหย และสารต่างๆ หากนำหอมแดงรักษาสิวจะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง ทั้งยังมีคุณค่าต่อผิวพรรณในการฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
วิธีการใช้หอมแดงรักษาสิว
ให้นำหัวหอมแดงที่ล้างสะอาดแล้วมาฝาน ให้เป็นแว่นบางๆ หรือทุบเบาๆ ก็จะได้น้ำของหอมแดงออกมา ใช้นิ้วแตะน้ำที่ซึมออกมาจากหอมแดง แล้วทาบางๆ ไว้บริเวณที่เป็นสิว ฝ้า และจุดด่างดำ หรือวางแว่นหอมที่ฝานแปะไว้บนรอยบวมจากการบีบสิว และรอยด่างดำบนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ทำเช่นนี้ทุกวันประมาณหนึ่งสัปดาห์ ช่วยให้ผิวหน้าบริเวณนั้นแลดูดีขึ้น ปัญหาสิว ฝ้า ร่องรอยด่างดำจากสิว จะค่อยๆจางหายไปในไม่ช้า
ทั้งนี้ สามารถคั้นเอาเฉพาะน้ำของหัวหอมแล้วนำไปแช่ตู้เย็นเพื่อดับกลิ่นและลดความซ่าที่อาจทำให้แสบผิว จากนั้นนำมาทาเม็ดผดผื่นคันก่อนเข้านอนทุกวันได้ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดความมันบนใบหน้า จึงไม่ก่อให้เกิดสิวได้ง่าย
สำหรับข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์จากน้ำหอมแดงรักษาสิวคือ ในหัวหอมแดงจะมีสารกำมะถันซึ่งทำให้แสบตาแสบจมูก และทำให้ผิวหนังมีอาการระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อนได้ จึงไม่ควรทาใกล้ๆกับบริเวณที่บอบบาง ได้แก่ ตา จมูก ปาก เป็นต้น
รีวิวจากผู้ใช้หอมแดงรักษาสิว
เพื่อเป็นการยืนยันถึงสรรพคุณในการใช้หอมแดงรักษาสิว เราลองไปดูคำรีวิวจากผู้ใช้จริง ที่บทความนี้ได้รวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านได้มั่นใจ ก่อนไปลองใช้หอมแดงรักษาสิวกัน อย่างไรก็ตามแต่ละคนมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ควรพิจารณาให้ถ้วนถี่หรือใช้วิธีการที่เราได้อธิบายไปข้างต้นเสียก่อน เพราะจะไม่สร้างความระคายเคืองต่อผิวพรรณแสนบอบบางมากจนเกินไป
“เราลองแล้วเห็นผลจริงๆ เราเป็นสิวที่ปลายคาง เป็นสิวเม็ดใหญ่แต่ไม่มีหัว ลองใช้หัวหอมทาดูหลังอาบน้ำทาทิ้งไว้ทั้งคืนไม่ต้องล้างออก เราเพิ่งทาได้ 3 วันเอง แต่สิวยุบเกือบเป็นปกติแล้ว ส่วนรอยดำที่เกิดจากสิวก็ค่อยๆลอกออกเรื่อยๆ เราว่าใช้ดีมากเลย เพราะเราเคยไปหาหมอเกี่ยวกับผิวพรรณมาแล้วเห็นผลจริงเวลาตอนใช้ยา แต่พอเลิกใช้ก็เป็นเหมือนเดิม หมดค่ายารักษาไปเป็นหมื่น เสียดายมาก เพื่อนๆที่เป็นสิวลองเอาไปทำดูรับรองหายแน่นอนแต่ต้องใจเย็นๆ นะค่ะ”
“เราเป็นสิวเยอะมากๆๆเลย ใช้ครีมแพงๆๆก็ไม่หาย เป็นสิวอักเสบแดงมากๆๆ ก็รองเข้ามาดูเว็บ นี่เราใช้ได้ 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่อ สิวหายไวมากๆๆ จากสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวหนอง ไม่ขึ้นเลย ตอนนี้เหลือรอยแดงจางๆๆ จากแดงเข้มมากๆๆ เราหั่นบางๆๆ แล้วแปะไว้ทั้งคืน ทำทุกวัน หรือทำทั้งเช้ากับกลางคืนก็ได้ ดีจริงๆๆ ขอบอก สุดยอดเลย รู้ยังนี้ใช้ตั้งนานแล้ว (แต่แสบตามากๆๆ) 555555 อยากหายต้องทน”
“เราก็ใช้นะ เห็นผลเร็วกว่าครีมที่ขายทั่วไปแบบแพงๆอีก แต่แสบตานะ แต่อยากหายต้องยอมอ่ะ เราทาตอนดูหนัง พอหนังจบก็ล้างออก”
สำหรับใครที่มีปัญหาข้างต้นต้องการหา ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ และความเสื่อมของระบบในร่างกาย สมรรถภาพ มะเร็ง เบาหวาน ลดสิว กระ จุดด่างดำ ฝ้า แก่ก่อนวัย และปัญหาผิว ทางเว็บไซต์ขอแนะนำให้ดูคลิปรายการ และคลิปคุณหมอ เรื่องสารสกัด ASTAXANTHIN (แอสตาแซนธิน) ด้านล่างนี้ได้เลย หรือ PDF รายละเอียดสินค้า
😋วันนี้เรามาดูสรรพคุณเรื่องว่านหางจระเข้กันดีกว่า 😍

💦ว่าสามารถนำมาบำรุงผิดเราได้อย่างไรบ้าง💚

ว่านหางจระเข้
 
          สมุนไพรไทย ๆ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับหางแหลม ๆ ของจระเข้ จนได้ชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงลักษณะได้ดีว่า ว่านห่างจระเข้ คืออีกหนึ่งพรรณไม้ไทยที่นิยมปลูกไว้ติดบ้าน นอกจากจะใช้ประดับตกแต่งเพื่อความสวยงามแล้ว สรรพคุณต่าง ๆ ของว่านหางจระเข้ยังคุ้มค่าอีกด้วย ส่วนจะมีทีเด็ดขนาดไหนนั้น เราไปทำความรู้จักกับว่านหางจระเข้ให้มากขึ้นกันดีกว่า ..

          ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) คือ พืชชนิดหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในประเภทพืชล้มลุก สีเขียว มีลักษณะลำต้นเป็นข้อปล้อง ใบเดี่ยว ใบหนายาวและโคนใบใหญ่ ปลายแหลม ขอบใบมีหนามห่างกันเป็นระยะ เรียงเป็นชั้น ข้างในใบเป็นวุ้นใสสีเขียวอ่อน มีเมือกเหนียว สามารถออกดอกสีแดงอมเหลืองที่ปลายยอดได้ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา สามารถปลูกได้ง่ายในดินทราย หรือในกระถางก็ได้ เป็นพืชชอบน้ำ แต่ต้องมีทางระบายน้ำได้ดี ป้องกันไม่ให้อมน้ำมากเกินไปจนรากเน่า

ว่านหางจระเข้


สรรพคุณว่านหางจระเข้

          ว่านหางจระเข้นั้น จัดเป็นพืชที่มีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย สามารถใช้บรรเทาโรคทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อีกทั้งยังใช้บำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย ดังนี้

ประโยชน์ภายนอก

          1. รักษาแผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก โดยปอกเปลือกนอก นำวุ้นสดภายในใบไปล้างยางออกให้สะอาด แล้วนำไปประคบแผลตลอด 2 วันแรก จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน สมานแผลให้เร็วขึ้น และไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นอีกด้วย

          2. ป้องกันและบรรเทารอยไหม้จากการออกแดด นำใบสด ๆ ของว่านหางจระเข้ผสมกับโลชั่นทาลงบนผิวหนังก่อนออกแดด จะช่วยป้องกันแสงแดดได้ แต่ถ้าหากเกิดรอยไหม้ขึ้นบนผิวหนังหลังออกแดดแล้ว ให้ใช้วุ้นที่ล้างสะอาดมาทาเพื่อลดอาการอักเสบ ถ้าจะให้ดีลองผสมกับน้ำมันพืช หรือน้ำมันมะกอก เพื่อลดอาการผิวแห้งตึงจนเกินไป

          3. บรรเทารอยไหม้จากการฉายรังสีของผู้ป่วย โดยใช้วิธีการนำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างสะอาดมาประคบที่รอยไหม้จากการทำคีโม จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน และทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

          4. สมานแผลจากของมีคมและแผลถลอก หากได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ที่ยังมีเมือกอยู่ แปะลงไปบนแผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้นได้

          5. รักษาฝีและโรคริดสีดวงทวาร ทำความสะอาดบริเวณที่เกิดโรคให้แห้งแล้วนำวุ้นไปแปะลงบนแผล หากเป็นที่ทวารหนักให้ปอกวุ้นให้เป็นแท่งแล้วล้างให้สะอาด นำไปแช่เย็นให้แข็ง เพื่อสอดเหน็บในช่องทวารหนักวันละ 1-2 ครั้ง อาการริดสีดวงจะดีขึ้น

          6. รักษาตาปลาและฮ่องกงฟุต นำเนื้อวุ้นที่ล้างทำความสะอาดแล้ว ไปแปะลงบริเวณที่เกิดโรค หมั่นเปลี่ยนเนื้อวุ้นบ่อย ๆ โดยหากเป็นตาปลาส่วนที่แห้งลงจะเกิดรูบุ๋มขึ้น ให้ใช้ว่านหางจระเข้ประคบต่อไปจนกว่ารอยบุ๋มจะสมานและเล็กลง ส่วนฮ่องกงฟุตให้ประคบด้วยว่านหางจระเข้เอาไว้จนกว่าแผลจะแห้งลงและอาการดีขึ้น

          7. แก้ปวดศีรษะ ตัดใบสดจากต้นว่านหางจระเข้ แล้วนำปูนแดงทาบริเวณวุ้น ถือใบสดแล้วนำวุ้นผสมปูนแดงประคบบริเวณขมับหรือท้ายทอย ตามจุดที่ปวด จะช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้

          8. บรรเทาอาการปวดฟัน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ออกเป็นแท่งเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 เซนติเมตร นำไปเหน็บไว้ตามซอกฟันที่มีอาการปวด หรือประคบไว้ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อาการปวดจะค่อย ๆ บรรเทาลง

ว่านหางจระเข้

ประโยชน์ภายใน
          
          1. บรรเทาอาการปวดข้อ นำวุ้นว่านหางจระเข้ที่ล้างทำความสะอาดแล้วไปแช่ตู้เย็น และรับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้น และน้ำวุ้น หากอยากให้รับประทานง่ายขึ้น สามารถนำไปปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน
          
          2. ใช้เป็นยาถ่าย โดยเลือกตัดว่านหางจระเข้พันธุ์เฉพาะที่ใบใหญ่และมีน้ำยางสีเหลืองในปริมาณมาก อายุประมาณ 9 เดือนขึ้นไป รองน้ำยางที่ไหลออกมาจากใบ แล้วนำไปเคี่ยวให้ข้น เทลงในพิมพ์ขนาดเล็กให้แข็งเป็นก้อนรับประทานเป็นยาได้ ซึ่งเม็ดยาจะมีสีแดงอมน้ำตาลไปจนถึงดำ เรียกว่า ยาดำ แบ่งรับประทานครั้งละประมาณ 0.25 กรัม (250 มิลลิกรัม) จะเป็นขนาดที่เหมาะสมในการใช้เป็นยาถ่าย หากต้องการรับประทานแบบสด ๆ ก็สามารถทำได้ โดยการตัดวุ้นที่ล้างสะอาดแล้วออกเป็นขนาด 3-4 เซนติเมตร แบ่งรับประทานวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร

          3. แก้กระเพาะอักเสบและลำไส้อักเสบ ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ นำวุ้นที่ได้ไปล้างให้สะอาด แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทางเดินอาหารได้

          4. ป้องกันโรคเบาหวาน ตัดเนื้อว่านหางจระเข้ความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร นำไปรับประทานทุกวัน หรือจะปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ เพื่อรับประทานก็ได้ โดยอาการเบาหวานจะทุเลาลงสำหรับผู้ที่เป็นในระยะแรก ส่วนผู้ที่ต้องการรับประทานเพื่อป้องกัน สามารถรับประทานในปริมาณที่น้อยลงได้

          5. แก้และป้องกันอาการเมารถ-เมาเรือ ท่านที่มีปัญหาในการเดินทาง เกิดอาการเมารถ-เมาเรืออยู่เป็นประจำ ให้ลองรับประทานเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้ หรือน้ำว่านหางจระเข้ ก่อนออกเดินทางจะช่วยบรรเทาให้เกิดอาการดังกล่าวน้อยลงได้ แต่หากเกิดอาการเมารถ-เมาเรือขึ้นแล้ว ลองทานน้ำว่านหางจระเข้เย็น ๆ ให้ชื่นใจ แล้วนั่งพักสักครู่ จะรู้สึกดีขึ้น

ว่านหางจระเข้

ประโยชน์ด้านความงาม
 
          1. บำรุงเส้นผมให้เงางามและช่วยขจัดรังแค ตัดใบสดมาทาลงบนเส้นผม หรือถ้าไม่สะดวกให้นำวุ้นว่านหางจระเข้ไปปั่นให้ละเอียดจะได้ใช้ง่ายขึ้น จากนั้นนำมาชโลมผมให้ทั่วเพื่อให้ผมสลวยเงางาม หากนวดบริเวณรากผมจะช่วยให้รากผมเย็นลง ช่วยบำรุงหนังศีรษะ รักษาแผลบนศีรษะ และขจัดรังแคได้ด้วย

          2. รักษาสิวและรอยด่างดำ ประโยชน์ข้อนี้คนที่อยากหน้าใสตั้งใจอ่านให้ดี เพราะว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อน ๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ นำเนื้อวุ้นที่ล้างสะอาดทาบริเวณใบหน้าวันละ 2 ครั้ง ใช้เวลาสัก 1-2 เดือน จะเริ่มเห็นผลว่ารอยต่าง ๆ ดูจางลง

          3. บำรุงผิวกาย เพียงแค่นำว่านหางจระเข้สด มาปอกเปลือกและล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นชิ้นนำไปใส่ไว้ในถุงผ้าก๊อซขนาดเล็ก แล้วนำไปหย่อนไว้ในอ่างอาบน้ำ หรือถ้าไม่มีถุงผ้าก๊อซ ให้นำวุ้นไปแช่ไว้ในอ่างอาบน้ำเลยก็ได้เหมือนกัน โดยระหว่างอาบน้ำให้ใช้เนื้อวุ้นถูตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เน้นที่รอยแห้งกร้านอย่างข้อศอก หัวเข่า ส้นเท้า เป็นต้น จะช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม และเต่งตึงขึ้น
          
          4. เติมน้ำให้ผิว ความชุ่มชื้นในผิวหน้าและผิวกาย มักจะค่อย ๆ ลดลงตามวัย และไลฟ์สไตล์ของคุณ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตกันอยู่ในห้องแอร์จนผิวขาดความชุ่มชื้น หากนำเนื้อวุ้นจากว่านหางจระเข้มาพอกหน้าก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเติมน้ำให้ผิวของคุณได้ โดยล้างวุ้นให้สะอาด แล้วฝานบาง ๆ มาโปะให้ทั่วหน้า หลับตาพริ้มรอสัก 15 นาที ก็ไปล้างหน้าให้สะอาดได้ ผิวของคุณจะรู้สึกชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้น หากจะใช้กับผิวกายให้ลองนำเนื้อไปปั่นหยาบ ๆ แล้วนำมาพอกตัว ก็ใช้ง่ายดีเหมือนกัน

ว่านหางจระเข้ทาหน้า

สูตรพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้

          นอกจากสรรพคุณทางยาต่าง ๆ แล้ว ว่านหางจระเข้ก็ยังนำไปประยุกต์ใช้เพื่อความสวยความงามได้เช่นกัน สูตรว่านหางจระเข้พอกหน้า จึงขาดไม่ได้สำหรับคนรักสวยรักงาม เตรียมปากกาจดสูตรกันได้เลยจ้า
          
          1. เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วใช้พอกหน้าเพื่อลดความมัน และจุดด่างดำได้
          
          2. เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ, ไข่ขาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ ทำให้เกิดสิวลดลง
          
          3. เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ, น้ำแตงกวาสด 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันนำไปพอกหน้า จะช่วยลดความมันบนใบหน้า และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวหน้าสดชื่นขึ้น

          4. เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ, นมสด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปพอกหน้า จะช่วยให้ใบหน้ากระจ่างใสขึ้น และลดความมันบนใบหน้าด้วย

          5. เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ, ขมิ้นผง 2 ช้อนชา, นมสด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน แล้วพอกหน้าเพื่อลดความมัน และเพิ่มความกระจ่างใส โดยสามารถฝานแตงกวาเป็นแว่นมาแปะไว้บริเวณรอบดวงตาก็ได้


ครีมว่านหางจระเข้

ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้

          เมื่อสรรพคุณของว่านหางจระเข้มีอยู่มากมายรอบด้านขนาดนี้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากว่านหางจระเข้ก็ย่อมต้องทยอยออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ปัจจุบันจึงมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปจากว่านหางจระเข้อยู่หลากหลาย ดังนี้

          1. เจลว่านหางจระเข้ สรรพคุณ ใช้ทาเพื่อลดอาการบวม เป็นครีมทาใต้ตา บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผสมกับส่วนผสมต่าง ๆ พอกหน้าแทนวุ้นว่านหางจระเข้ได้ ทั้งยังใช้ทาแผลพุพอง แผลสด เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการยิงเลเซอร์ และมีรอยไหม้แดงบนใบหน้า จะทำให้บรรทาอาการลงและฟื้นตัวเร็วขึ้น

          2. ครีมว่านหางจระเข้ ก็มีสรรพคุณเดียวกันกับเจลว่านหางจระเข้ แตกต่างกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นกว่า อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีหน้ามัน เพราะเนื้อครีมจะให้ความรู้สึกหนักกว่าเนื้อเจล แต่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่มีหน้าแห้ง เพราะจะให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่า

          ทั้งนี้นอกจากเจลว่านหางจระเข้และครีมว่านหางจระเข้แบบทั่วไปแล้ว ยังถูกต่อยอดออกไปเป็นเจลล้างหน้าว่านหางจระเข้ เจลและครีมว่านหางจระเข้แบบผสมสารกันแดด นอกจากนี้ยังมีน้ำว่านหางจระเข้สำหรับดื่มอีกด้วย โดยสรรพคุณไม่แตกต่างจากว่านหางจระเข้สดมากนัก

          รู้จักสรรพคุณและสูตรต่าง ๆ ของว่านหางจระเข้กันแล้ว คงต้องเตรียมหาว่านสารพัดประโยชน์ชนิดนี้มาปลูกไว้คู่บ้านกันบ้างแล้วล่ะ รับรองได้ว่าคุ้มเกินคุ้มจริง ๆ จ้า

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

❤วันนี้เรามาดุสรรพคุณของ❤

 😳ขมิ้นชันกันดีกว่าาาาาา 😋

สำหรับใครที่กำลังมองหาสูตร วิธีรักษาสิวแบบธรรมชาติ หรือวิธีทำให้หน้าใสแบบธรรมชาติ…อย่าได้พลาดค่ะ วันนี้เราได้รวบรวมสูตรวิธีมากมายเกี่ยวกับการรักษาสิวด้วยขมิ้น รวมถึงสูตรหน้าใสด้วยขมิ้นมาฝากค่ะ ซึ่งเป็นสูตร เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยแต่ก่อน สำหรับสาวๆ แล้วการใช้ขมิ้นทาผิวหน้าจะทำให้ผิวหน้านุ่มนวล คนมาเลเซียและคนไทยสมัยก่อนจะใช้ขมิ้นในการอาบน้ำ ทำให้ผิวผ่องยิ่งขึ้น วิธีการอาบน้ำด้วยขมิ้นนั้น จะทาขมิ้นหมักไว้ที่ผิวหนังสักพัก แล้วจึงขัดออกด้วยส้มมะขามเปียก นอกจากทำให้ผิวหนังนุ่มนวลแล้ว ขมิ้นยังมีสรรพคุณในการป้องกันการงอกของขน ผู้หญิงอินเดียจึงใช้ขมิ้นทาผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ขนงอก คนพม่าเชื่อว่าถ้าใช้ขมิ้นผสมสมุนไพร ที่ชื่อทาคาน่า ทาผิวเด็กสาวตั้งแต่ยังเล็กๆ จะทำให้เนื้อผิวละเอียดสวยชนิดที่หนุ่มมองได้ไม่วางตาเชียวละค่ะ 

มารู้จัก ”ขมิ้น” กันเถอะ
ขมิ้นชัน” เป็นพืชสมุนไพร และประโยชน์ของขมิ้นชันกับผิวนั้นไม่ได้แค่ต่อต้านหรือลดการอักเสบหรือรักษาสิวเท่านั้น แต่ยังใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีผิวกระจ่างขึ้นด้วยเมื่อใช้เป็นประจำและช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดยังช่วยบำรุงให้สีผิวกระจ่างขึ้นด้วยเมื่อใช้เป็นประจำ ขมิ้นชันได้รับการยอมรับว่าช่วยลดการอักเสบและลดการระคายเคืองเมื่อนำมาใช้กับผิว อย่างที่รู้กันว่าสิวนั้นเกิดจากแบคทีเรีย P.acne ที่ทำให้เกิดการอักเสบหรือบวมแดงที่เราเห็น ซึ่งก็ได้มีการวิจัยว่าขมิ้นชันสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียตัวนี้ได้และสามารถผสมใช้ร่วมกับNeem oil, Tea Tree oil เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น ยังมีการวิจัยอื่นที่บอกอีกว่าขมิ้นชันช่วยปรับสภาพผิวเพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่มีการผสมขมิ้นชันในเครื่องสำอางที่ขายตามท้องตลาดมากมาย 

สูตรวิธีรักษาสิวและทำให้หน้าใส 

1 สูตรขมิ้นสด + ดินสอพอง + น้ำมะนาว
สูตรนี้ช่วยบำรุง: ผิวหน้าให้ผุดผ่องสดใสอ่อนวัย และช่วยให้สิวยุบเร็ว
ส่วนผสม
ขมิ้นสด (เล็กน้อย)
ดินสอพอง 2-3 เม็ด
มะนาว 1 ผล
วิธีทำ 
นำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปั่นรวมกับดินสอพองและมะนาว จนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วย ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้มะนาว จะทำให้ผิวนวลเนียนขึ้นสามารถสัมผัสได้ และเมื่อผสมรวมกันกับผักแว่น ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2 สูตรดินสอพองผสมน้ำมะนาว หรือน้ำมะขามเปียก 
สูตรนี้ช่วยบำรุง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน สูตรนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำมะนาวมาเป็นน้ำมะขามเปียกก็ได้ค่ะ 
ผลที่ได้ : จะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มขึ้น รูขุมขนกระชับ และความมันลดลง ให้ผลเร็ว 1-3 วันเห็นผลแน่นอน สิวแห้ง ยุบลง
ส่วนผสม 
ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
วิธีทำ 
นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียดด้วยภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน (มันจะกลายเป็นครีมข้นๆ)
ดินสอพองจะพองตัวขึ้นและมีฟองอากาศ นั่นเพราะดินสอพองกำลังทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำมะนาวนั่นเอง 
จากนั้นทาครีมดินสอพองจนทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา หรือจะแต้มเฉพาะตรงที่หัวสิวก็ได้ค่ะ ทิ้งไว้ 15 - 20 นาทีหรือจะทาก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้าก็ได้ 
วิธีล้าง 
ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดเบา ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน 
จากนั้นล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน 
ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง

3 สูตรผงขมิ้นผสมกับน้ำมะนาว 
สูตรนี้ช่วยบำรุง: ก็เป็นอีกสูตรที่ใช้กันเยอะ โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวเยอะมากบนใบหน้า พอลองใช้สูตรนี้แล้วพบว่า ช่วยลดอาการบวมแดงจากสิว สิวยุบเร็ว สิวและรอยสิวลดลง และหน้าเนียนขึ้นด้วย
วิธีทำ
ผสมผงขมิ้นชันกับน้ำมะนาว หรือถ้าอยากให้ข้นสามารถผสมกับน้ำมันต่างๆได้และแต้มที่สิวก่อนนอน หรือจะพอกทั่วทั้งใบหน้าก็ได้ ถ้าหากคุณเป็นสิวบนใบหน้าเยอะมาก โดยไม่ต้องล้างออก ทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หรือจนคุณทนไม่ได้เพราะเมื่อพอกแล้วมันจะรู้สึกแสบหน้าค่ะ แต่ถ้าทิ้งข้ามคืนได้จะดีมากกกค่ะ

4 สูตรผงขมิ้นผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง 
สูตรนี้ช่วยบำรุง: ช่วยให้สิวยุบเร็วและช่วยบำรุงผิวหน้าให้ผุดผ่องสดใสอ่อนวัย 
ผลที่ได้ : ช่วยให้สิ้วเสี้ยนหลุด สมานผิวและรูขุมขนกระชับขึ้น ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากสิวอักเสบ ไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็น ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม
วิธีทำ
ครีมขัดและพอกหน้า นำขมิ้นผงผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง จากนั้นล้างหน้า ให้สะอาดแล้วนำขมิ้นที่เตรียมไว้ขัดใบหน้าเบา ๆ จนทั่วพอกไว้อย่างนั้นประมาณ 5 นาที ล้างออกได้ด้วยน้ำอุ่น ๆ

หรืออีกวิธี คือ ใช้เหง้าขมิ้นสดมาหั่นบาง ๆ แล้วตากแห้ง นำมาบดเป็นผงให้ละเอียดผสมกับน้ำนมทาตัวเอาไว้ก่อนจะอาบน้ำทิ้งไว้ 10 - 20 นาที เป็นอย่างน้อย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือตามด้วยการอาบน้ำชำระร่างกาย ผลที่ได้รับคือ ช่วยให้ผิวนุ่มนวลเนียน แก้โรคผดผื่นคัน หรือจุดด่างดำบนร่างกายให้หายไป

5 สูตรขมิ้นชันสด 
สูตรนี้ช่วยบำรุง: สำหรับคนที่ใช้ขมิ้นผงแล้วแพ้ เปลี่ยนมาใช้แบบสดดีกว่าค่ะ (เพราะเคยมีคนที่เกิดอาการแพ้ขมิ้นผง พอเปลี่ยนมาใช้แบบสดก็สามารถใช้ได้ไม่เกิดอาการแพ้ค่ะ) 
ผลที่ได้ : ผิวเนียนขึ้น สิวอุดตัน สิวอักเสบ หายหมดค่ะ 

วิธีใช้
- นำขมิ้นชันสดมาปลอกเปลือก แล้วนำไปปั่นแล้วเอาไปใส่กระปุกแช่ตู้เย็นไว้ค่ะ พอครบ 1 อาทิตย์ ก็ทำใหม่ค่ะ
- ใช้คอตต้อนบัด จิ้มๆ น้ำแล้วนำมาทาหน้า ก่อนล้างหน้า 10-15 นาที
- ควรใช้ตอนเย็น เพราะหน้าจะเหลือง ต้องล้างประมาณ 2 ครั้งถึงจะออกค่ะ 
6 สูตรน้ำผึ้ง 
น้ำผึ้ง” มีสรรพคุณลดการอักเสบ และติดเชื้ออยู่ด้วย และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่น้ำผึ้งจึงใช้สมานบาดแผลชนิดต่างๆ 
สูตรนี้ช่วยบำรุง: สูตรน้ำผึ้งนี้เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง แพ้ง่าย มะนาวอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองและแห้งมากขึ้น สูตรนี้จึงใช้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติสมานผิวเข้ามาแทนที่ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยน้ำมันงา
ส่วนผสม 
ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่ 
น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา
น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา 
วิธีทำ 
นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียด ผสมน้ำผึ้งและน้ำมันงา (หรือน้ำมันมะกอกก็ได้) คนให้เข้ากัน 
น้ำมาพอกให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา 
ทิ้งไว้ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด 
หลังล้างหน้าจะมีความมันของน้ำมันงาหลงเหลืออยู่บ้าง 
หากไม่ชอบให้ล้างด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น

7 สูตรน้ำนมขมิ้น 
สูตรนี้ช่วยบำรุง: น้ำนมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น และบวกกับขมิ้นที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แก้ผดผื่นคัน และบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งด้วย สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว
ส่วนผสม 
ดินสอพองสะตุ 4 - 5 เม็ดใหญ่
นมสด 2 ช้อนชา
น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำขมิ้น
นำหัวขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก 
ผสมน้ำเล็กน้อย กรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง
วิธีทำ 
บดดินสอพองสะตุจนละเอียด แล้วคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 - 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

8 สูตรขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม 
ส่วนผสม 
นำขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม
วิธีทำ
นำมาบดผสมกัน ใช้พอกหน้า และตัวเพื่อบำรุงผิวได้ (ถ้าผิวมันใช้ผสมกับน้ำมะกรูดเผาไฟ ถ้าผิวแห้ง ใช้ผสมกับน้ำผึ้ง หรือ นมสด) ควรพอกประมาณ 5 - 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น สลับกัน

9 สูตรดินสอพอง ผสมกับขมิ้น 
ขมิ้น มีสรรพคุณ ฆ่าเชื้อโรคอ่อน ๆ มันก็สามารถบรรเทาอาการสิวคุณได้
วิธีทำ
 นำดินสอพองมาผสมกับผงขมิ้น คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว แต่ถ้าจะเอามาพอกหน้า ควร ลด ขมิ้นผงลง เพราะคุณอาจจะกลายเป็น ดีซ่านได้

10 ดินสอพอง ผสมกับไพล
ไพล เป็น ญาติกับ ขมิ้น แต่ไพล มีสีเหลืองนวล อ่อนกว่า ขมิ้น
มีสรรพคุณช่วย บำรุงผิว ลดอาการระคายเคือง วิธีทำ นำดินสอพองมาผสมกับไพล คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว
วิธีทำ
นำดินสอพองมาผสมกับไพล คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มที่หัวสิว หรือนำไปพอกหน้าก็ได้
...หวังว่าบทความนี้ คงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาสิว และมองหาวิธีรักษาสิวแบบธรรมชาตินะคะ...

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

✨ สวัสดีค่ะ ✨
ดิฉันชื่อ นางสาวกนกวรรร ศรีเดช
ชื่อเล่นชื่อ วรรณ ค่ะ
มาดูกันดีกว่าว่า สมุนไพรของไทยเรามีสรรพคุณอะไร้าง


 สมุนไพรรักษาสิว เคล็ดลับหน้าใสที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้สิวยุบเร็ว หายเร็วแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วรีบมาทำความรู้จักกับสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษาสิวกันดีกว่าค่ะ

          สมุนไพรไทย ถือเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยา นอกจากจะนิยมนำมาใช้รักษาโรคแล้ว สาว ๆ รู้ไหมคะว่าสมุนไพรบางชนิดยังมีสรรพคุณช่วยรักษาสิวให้หายเร็วได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นสิว เพราะนอกจากจะช่วยรักษาสิวให้ยุบเร็วแล้ว ยังถือเป็นวิธีรักษาสิวที่ปลอดภัย ที่สำคัญยังหาได้ง่าย ๆ เพราะเป็นสมุนไพรไทยที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเรานี่เองค่ะ ทั้งนี้จะมีสมุนไพรไทยตัวไหนบ้างที่จะสามารถนำมาใช้จัดการกับปัญหาสิวอย่างได้ผล วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาให้สาว ๆ กันแล้วค่ะ บอกเลยว่าเยอะแยะไปหมดเชียวล่ะ
สมุนไพรรักษาสิว

1. ใบบัวบก

          นำใบบัวบกมาตำให้ละเอียด ผสมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นให้นำมาโปะพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วค่อยเอาออกและล้างหน้าให้สะอาด คุณสมบัติของใบบัวบกจะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวค่อย ๆ ยุบลง และหายเร็วขึ้น
สมุนไพรรักษาสิว

2. ว่านหางจระเข้

          ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลดสิว และลดรอยดำได้ เพียงแค่นำเนื้อใส ๆ ของว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นสิวเป็นประจำ เพียงเท่านี้หน้าของคุณก็จะสวยใสไกลสิวได้ในเร็ววัน

สมุนไพรรักษาสิว

3. ไพล

          นำเหง้าไพลมาหั่นแบบเป็นชิ้น ๆ ตำให้ละเอียด จากนั้นให้ผสมน้ำสะอาด และดินสอพองลงไป คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วให้นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออก สิวอักเสบจะค่อย ๆ ยุบตัวลง และจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย
สมุนไพรรักษาสิว

4. หอมแดง

          นำหอมแดงมาหั่นเป็นแว่น ๆ ทุบเล็กน้อยให้น้ำของหอมแดงออกมา จากนั้นนำมาวางโปะไว้บริเวณหัวสิว หอมแดงจะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวอักเสบยุบลงได้เร็ว

สมุนไพรรักษาสิว

5. กระเทียม

          นำกลีบกระเทียมมาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นให้นำไปถูบริเวณหัวสิว โปะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ค่อยเอาออก และล้างหน้าให้สะอาด กระเทียมจะช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบของสิว และลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้ดี
สมุนไพรรักษาสิว

6. มะนาว

          บีบน้ำมะนาวสด ๆ 1 ซีก ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา จากนั้นให้นำสำลีมาชุบและทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก วิธีนี้สามารถทำได้ทุกวัน จะสังเกตเห็นได้ชัดว่าสิวจะค่อย ๆ ลดลง

สมุนไพรรักษาสิว

7. ขมิ้นชัน

          นำผงขมิ้นชันมาผสมกับน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน แล้วนำมาแต้มบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที ล้างออกให้สะอาด ขมิ้นชันและกรดจากน้ำมะนาวจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวอักเสบยุบลงได้ง่าย และช่วยทำให้รอยดำรอยแดงจากสิวจางลงอีกด้วย
สมุนไพรรักษาสิว

8. มะขามเปียก

          นำมะขามเปียกมาละลายน้ำพอข้น ๆ ผสมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก สูตรนี้จะช่วยให้สิวอักเสบยุบและแห้งลง อีกทั้งยังช่วยให้รอยสิวจางลงได้ดี

          ว้าว มีสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษาสิวได้เยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว แถมแต่ละอย่างนี่ก็หาได้ง่าย ๆ จากในครัวทั้งนั้น คราวนี้ล่ะหมดปัญหาสิวป่วนกวนใจแน่นอน